ทริป Fundive เกาะห้า เกาะรอก
เด็กๆ ปิดเทอม เลยหาโอกาสพาเด็กๆ มาเที่ยว กระบี่ เมืองที่ว่ากันว่า งามทั้งบนบก และงามทั้งใต้ทะเล วันแรก เราไปเที่ยวกันที่สระมรกต คนเยอะมาก และน้ำไม่ใสเหมือนที่เคยมาคราวก่อน น่าจะเป็นเพราะฝนเพิ่งตก และไม่มีแดด ระหว่างเส้นทางเดินกลับ ภูมิทัศน์แปลกตา น้ำใสสีเขียว หินปูนสีออกนวลเหลือง เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนแรกว่าจะเที่ยวต่อที่น้ำตกร้อนคลองท่อม เด็กๆอยากลองดูว่าร้อนแค่ไหน เสียดายที่ฝนตก เลยเปลี่ยนแผนไปโรงแรมเลย ที่อ่าวนาง และไปทานอาหารเย็นที่หาดนพรัตน์ธารา หาดที่ว่ากันว่า มีหอยชักตีนเยอะ เด็กๆอยากลองไปเดินหาดู เราเจอกันแต่หอยขนาดเล็ก หน้าตาคล้ายๆ หอยชักตีน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่มั้ย และก็เจอ หอยตลับ ที่คนแถวนี้เรียกกันว่า หอยหวานด้วย
วันที่สอง เราไปเที่ยวกันที่คลองสระแก้ว น้ำใสแจ๋ว พายคายัคเล่นกัน ไปกลับ ประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางก็ดูฝูงปลา สาหร่ายหางกระรอกใต้น้ำ สวยงามดูแปลกตา 2 คนโต พายเรือกันเอง เด็กๆ เห็นเหยี่ยวนกเขาชิคราด้วย เห็นคนดูแลบอกว่า ถ้าไปกันเงียบๆ และโชคดีอาจเจอฝูงนาก เสร็จจากคลองสระแก้ว เราไปเที่ยวกันต่อ ช่วงบ่ายที่ สุสานหอย 75 ล้านปี หรือสุสานหอยแหลมโพธิ์ ตั้งอยู่บริเวณชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ เป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร ลักษณะเป็นลานหินปูนกว้างยื่นลงไปในทะเล เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเห็นเป็นซากดึกดำบรรพ์ของหอยน้ำจืดที่อัดแน่นจนกลายเป็นหาดหินริมทะเล เด็กๆ ดูได้สักพัก ก็เริ่มเบื่อ เลยชวนกันเดินเลาะริมหาดไปขึ้นกลับอีกทาง
ระหว่างทาง เจอปะการังที่โผล่พ้นน้ำ แปลกใจมากเพราะไม่เคยเห็นปะการังตามหาดชายฝั่งมาก่อน ไม่แน่ใจว่า มีคนทดลองปลูกไว้หรือว่าเป็นปะการังตามธรรมชาติ ปกติเราจะพบปะการังตามเกาะเท่านั้น เดินมาอีกสักพัก เจอดอกไม้ทะเล ยิ่งงงไปใหญ่ เลยมาอีกหน่อย เซนตาดี เห็นหมึกสายตัวใหญ่ หมึกพรางตัวได้แนบเนียนมาก ใครจะคิดว่า แค่เดินชายหาด จะเจออะไรแปลกๆ เยอะไปหมด
วันที่สาม พวกเราจอง เดย์ทริป เกาะห้า เกาะรอก ไว้ ตามแผนจะแวะจุดดำน้ำ 3 จุด ที่ เกาะห้า เกาะรอกนอก และเกาะรอกใน วันที่เราเดินทาง อากาศไม่ดีเท่าไหร่ ท้องฟ้า ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน ตลอด ทะเลมีคลื่นพอสมควร เด็กๆทั้งสามคนมีอาการเมาเรือ ขนาดว่าทานยากันเมากันมาแล้ว กว่าจะถึงจุดแรก ที่เกาะห้า ใช้เวลากว่า ชั่วโมง แต่ก็คุ้มค่า น้ำทะเลที่เกาะห้า ใสมาก ใสตาแตก ใสแบบที่ไม่เคยเห็นมานานแล้ว ขนาดว่าไม่ค่อยมีแดดยังใสขนาดนี้ และสีสวยมากด้วย เป็นสีฟ้าใสอมเขียวเหมือนเทอร์ควอยซ์ กัปตันดูคลื่นลม กระแสน้ำอยู่พักนึง ก็บอกว่า ลงได้ เด็กๆ ดำผุดดำว่ายกันสนุกมาก ตั้งแต่เรียนฟรีไดฟ์กันมา การเที่ยวทะเลดำน้ำ สนุกสนานขึ้นมาก เราสามารถดำลงไปส่องตามซอกหิน ใต้ปะการัง มองหาปลา สิ่งมีชีวิตใต้น้ำอื่นๆ หรือลงไปดูน้องนีโม่ชัดๆใกล้ๆ ก็ย่อมได้
ต่อจากจุดแรก มาจุดที่สอง เกาะรอกใน เด็กๆสองคนเล็ก เมาเรือ ขอขึ้นฝั่ง เหลือแค่ผม และลูกชายคนโต ไปดำกันที่เกาะรอกใน เซนอยากลองทำความลึก ดำลงลึกสุด เกือบ 12 เมตร เซนขึ้นมาเล่าให้ว่า ตรงความลึก 10 กว่าเมตรมีกัลปังหาด้วย น้ำที่เกาะรอกวันนี้ ใสสู้ที่เกาะห้าไม่ได้ ที่นี่ปลาการ์ตูนส้มขาวเยอะ รวมถึงปลาผีเสื้อนานาพันธ์ ปลาผีเสื้อเทวรูป และ ปลากะรัง
จุดสุดท้าย เกาะรอกนอก 2 คนเล็ก หายเมาเรือแล้ว เลยลงน้ำด้วย พนักงานของบริษัททัวร์ชื่อ วาวา ดำฟรีไดฟ์เก่งมาก แม้ไม่เคยเรียนมา กลั้นหายใจได้นานมาก น้องวาวา ดำหากุ้งมังกร 7 สี ระหว่างตามหา ก็เจอกัลปังหาสีเหลือง ในซอกหินที่ตื้นแค่ประมาณ 2-3 เมตร ซึ่งแปลกมาก ปกติ กัลปังหา และปะการังอ่อน มักอยู่ในที่ลึก หรือถ้าอยู่ในที่ตื้น ก็ต้องมีกระแสน้ำ แรง อย่างเช่น ร่องน้ำจาบัง แต่ที่นี่อยู่ที่ตื้น และไม่มีกระแสน้ำด้วย นอกจากที่นี่แล้ว ผมเคยเจอแบบนี้ที่เดียว คือ ที่อ่าวสุเทพ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หลังจากผลัดกันดำ ผลัดกันชมกัลปังหาแล้ว ก็ตามหากุ้งมังกรกันต่อ น้องวาวา ตาดีมาก ตามหาจนเจอ มันโผล่หนวดออกมาจากซอกหิน แต่ตัวเล็ก ลูกๆบอกว่า เหมือนกุ้งแม่น้ำ มากกว่า กุ้งมังกร ตัวนิดเดียว ปะการังที่เกาะรอก สวยทีเดียว มีสีสันพอสมควร แต่ส่วนมากจะเป็นปะการังก้อน หาปะการังเขากวางแทบไม่เจอ ปลาผีเสื้อชนิดๆต่าง ปลาผีเสื้อปากยาว ปลาขี้ตังเป็ดฟ้า พบได้ง่ายทั่วไป
วันสุดท้ายของทริปนี้ ไม่อยากตัวเปียกแล้ว เราแวะกัน คาเฟ่น่ารักๆ บ้านต้นไม้ จากนั้น ทานอาหารญี่ปุ่นที่เจ้าซัน และหนูแซนด์อยากนักหนา แวะถ่ายรูปที่เขาขนาบน้ำ จากนั้นเดินทางไปสนามบิน จบทริปเพียงแค่นี้ หากไม่มีกิจกรรมอะไร เด็กๆ ดูแต่โทรศัพท์ เล่นเกมส์กันตลอดเวลา ราวกับว่า พวกเขาไม่สามารถนั่งเฉยๆ ชื่นชมความงามของธรรมชาติ วิถีชีวิต ผู้คนรอบๆตัวได้ คอยเตือนคอยสอนเค้าว่า เงยหน้า ขึ้นมาจากโทรศัพท์บ้างเถอะ เราออกเดินทางจากบ้าน ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลกว่า 800 กิโลเมตร เพื่อมาเล่นโทรศัพท์ ที่เล่นที่บ้านก็ได้เนี่ยนะ เงยหน้าดูความสวยงามของ อ่าวนาง หาดนพรัตน์ธารา นกกระเต็นตัวนั้นที่ลูกอดเห็นเพราะมัวแต่จ้องหน้าจอ ความสวยงามของเขาหินปูน หน้าโรงแรมที่เราพัก หวังว่า เด็กๆจะจำคำสอนเหล่านี้ได้ และไม่ลืมว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้ มีสิ่งสวยงาม น่าสนใจ น่าหลงใหล น่าตื้นเต้น อีกมากมาย ที่ทำใหัหัวใจเต้นแรง มีความสุขแม้เพียงได้เฝ้ามอง นอกเหนือไปจาก จอขนาด 6 นิ้วในมือของพวกเขา