การมุดน้ำ  (Duck Dive) และการตีฟิน (Finning)

การมุดน้ำ (Duck dive)

ก่อนที่จะเริ่มทำการ Duck dive เราควรเช็ค การลอยตัวของเราก่อน โดยการลอยตัวในแนวตั้งที่ผิวน้ำ หายใจออกให้หมด และเช็คว่าตัวเราลอยระดับไหน ถ้าตัวเราจม หรือระดับน้ำ อยู่เหนือกว่า หน้าผาก แสดงว่า เราใส่น้ำหนักมากเกินไป (overweight) แต่ถ้าระดับน้ำต่ำกว่า ตาของเรา แสดงว่า เราใส่น้ำหนักน้อยเกินไป ระดับการลอยตัวที่เหมาะสม ระดับน้ำควรอยู่ที่ระดับหน้าผาก การลอยตัวเป็นบวกเล็กน้อย (Positive Buoyancy)

หลังจากเช็คการลอยตัวแล้ว นักดำน้ำลอยตัวที่ผิวน้ำ คาบ snorkle ทำการเตรียมลมหายใจ (Breath up) จากนั้นเริ่ม Duck dive ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. Final Breath หายใจเต็มท้อง อก รอบสุดท้าย
  2. นำท่อ Snorkel ออกจากปาก บ้วนน้ำที่เข้าปากออก เคลียร์หู 1 ครั้ง (Pre-equalization)
  3. ตีฟิน 2-3 ครั้ง เพื่อให้มีแรงส่ง forward momentum
  4. ชี้แขนลงไปยังทิศทางที่ต้องการดำลง หรือ ขนานกับเชือก กรณีที่ใช้บุย ยกสะโพกขึ้น พร้อมกับพับตัวลง ลักษณะเดียวกับมีดพับ
  5. ยกขาขึ้นให้ตั้งตรง ขาชิดกัน เหยียดตรง แนวเดียวกับลำตัว น้ำหนักของขาจะช่วยกดตัวเราให้จมลง
  6. ทำ Arm Stroke 1 ครั้ง การทำ Arm stroke จินตนาการ รูปทรง รูกุญแจ
  7. หากทำการ duck dive ได้ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ หลัง Arm stroke นักดำน้ำ จะอยู่ที่ระดับ ความลึกประมาณ 3 เมตร ทำการเคลียร์หู อีก 1 ครั้ง 
  8. จัดระเบียบร่างกาย ให้ขนานกับเชือกที่อยู่ด้านหน้า เริ่มตีฟิน เมื่อเท้าจมน้ำแล้ว อย่าตึก่อนหน้านั้น
  9. หลังจากเริ่มดำลง มือหนึ่งให้ค้างอยู่ที่จมูก เพื่อทำการเคลียร์หู ทุกๆ 1-2 เมตร ส่วนแขนอีกข้างให้แนบลำตัว เพื่อให้ลู่น้ำ (streamlining) ไม่ต้านน้ำ

การ Duck dive หากทำได้ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ จะทำให้เรามุดน้ำ ดำลงได้ อย่างนิ่มนวล และใช้พลังงานน้อย หากทำทุกอย่างได้ค่อนข้างสมบูรณ์ หลังจาก duck dive และ Arm stroke ตัวเราจะไหลไปได้ถึงระดับความลึกประมาณ 5 เมตร โดยไม่ต้องตีฟินเลย

การตีฟิน (Finning)

การตีฟิน สำหรับฟรีไดฟ์ ที่ถูกต้อง สรุปง่ายๆ คล้ายกับ การเดิน ในการเดิน เราจะใช้สะโพก หรือ ต้นขา ขยับ ขา ไม่ใช้ขาช่วงล่าง หรือ น่อง เราจะขยับทั้งขา โดยเริ่มการเคลื่อนไหวจากสะโพก  ขาควรจะเหยียดตรง เข่าไม่งอ เมื่อตีขาไปด้านหลัง (Back kick) และ เข่าอาจงอเล็กน้อย เมื่อตีขาไปด้านหน้า (forward kick) เมื่อเรา ตีฟิน เตะขาไปด้านหน้า เราจะใช้กล้ามเนื้อต้นขาเป็นหลัก ในขณะที่เมื่อเราตีฟินไปด้านหลัง เราจะใช้ กล้ามเนื้อสะโพกเป็นหลัก พยายามอย่าให้เข่างอ แต่ไม่เกร็งเข่า ส่วนข้อเท้า และเท้าปล่อยตามสบายตามแรงเหวี่ยงของต้นขา หรือสะโพก ปลายนิ้วเท้าชี้ออกไปด้านหลัง (Pointed toe) ความเร็วในการตีฟิน ประมาณ ตี 1 ครั้ง ทุกๆ 1 วินาที การตีฟิน ที่ถูกต้อง จะช่วยให้เราเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และประหยัดแรง โดยสรุป การตีฟิน ที่ดี ประกอบด้วย

  • ออกแรงจากสะโพก และต้นขา ไม่ออกแรงจากน่องหรือเท้า 
  • ไม่งอเข่า เพราะจะทำให้ต้านน้ำ และการงอเข่า เราจะออกแรงจากน่อง จะทำให้หมดแรง และเป็นตะคริวง่าย
  • จังหวะ ตีฟินไปด้านหน้า และหลัง ควรออกแรงเท่าๆกัน เพื่อรักษาแนวที่เราดำลง ให้ขนานกับเชือก
  • เมื่อตีฟิน ไปด้านหลัง เหยียดขาออก พยายามให้เข่าตรง และเมื่อจบการตีฟิน ควรปล่อยให้ ใบฟิน ดีด ไม่ควรรีบตีจังหวะถัดไป