เลือกเรียนฟรีไดฟ์คอร์สไหนดี?

อีกหนึ่งคำถามที่นักเรียนที่สนใจลงเรียนฟรีไดฟ์ ถามกันมามากว่า ควรเรียน คอร์สไหนดี ระหว่าง Try Freediver, Basic Freediver หรือ Pool Freediver บทความนี้มีคำตอบครับ โดยจะเปรียบเทียบความแตกต่างของแต่ละคอร์ส การเลือกคอร์สให้ตรงกับความต้องการของเรา

ระยะเวลาเรียน และ Requirement ของแต่ละหลักสูตร

เปรียบเทียบเวลาเรียนฟรีไดฟ์แต่ละคอร์ส

แต่ละคอร์สจะใช้เวลาเรียนไม่เท่ากัน อย่าง Try Freediver เป็นการทดลองเรียน จะใช้เวลาเรียนรวมทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นทฤษฎี ประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง และภาคปฏิบัติ หรือภาคสระ 1 คาบ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรืออย่างคอร์สยอดนิยม Basic Freediver จะใช้เวลาเรียนรวมทั้งหมด 5-6 ชั่วโมง จะใช้เวลามากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับว่านักเรียนทำทักษะได้เร็วแค่ไหนด้วย ครูเคยมีนักเรียนท่านนึง เป็นนักกีฬาไตรกีฬา เกือบทุกทักษะที่ครูสอน ครูสาธิตทักษะให้ดูรอบเดียว นักเรียนทำได้ทันที กลายเป็นแค่บ่ายสาม ก็เรียนครบหมดแล้ว ซึ่งปกติโดยทั่วไป ถ้าเริ่มเรียน 9.00-9.30 จะเรียนเสร็จประมาณ 16.00-16.30

ในส่วน Requirement หรือการสอบนั้น คอร์ส Try และ Basic จะไม่มีการสอบ เพียงเรียนเนื้อหา และฝึกทักษะต่างๆครบตามหลักสูตร ก็จะได้ใบเซอร์เลย ส่วน Pool Freediver จะมีการสอบ Dynamic Apnea (Bi-Fin) 30 เมตร คือ กลั้นหายใจดำลงไปว่ายขนานกับพื้นสระ ให้ได้ระยะ 30 เมตร และ Arm only Dynamic 15 เมตร คือกลั้นหายใจดำลงไปว่ายขนานกับพื้นโดยใช้แขนอย่างเดียว ให้ได้ระยะ 15 เมตร

เปรียบเทียบรายละเอียด หลักสูตรฟรีไดฟ์

Skill หรือ ทักษะที่ต้องฝึกของแต่ละคอร์ส

แต่ละคอร์สจะมีทักษะที่ต้องเรียนและฝึกไม่เท่ากัน แน่นอนว่า Try ที่เป็นการทดลองเรียน และมีเวลาเรียนน้อยที่สุด ก็จะมีทักษะที่ต้องเรียนต้องฝึกน้อยที่สุด ในขณะที่ Pool Freediver ที่ใช้เวลาเรียนมากที่สุด คือ 1 วันครึ่ง ก็จะมีทักษะที่ต้องเรียน ต้องฝึกมากที่สุด รวมถึงทักษะ ทึ่ต้องเตรียมตัวสำหรับการสอบอัพเกรดเป็น Level 1 (Freediver) ด้วย สำหรับ Pool Freediver จะมีการฝึกทักษะเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมในสระ เช่น Dynamic turn ทั้ง 2 รูปแบบ และ Dynamic Blackout Rescue

แล้ว Pool Freediver กับ Level 1 (Freediver) ต่างกันยังไง?

จริงๆแล้ว Pool Freediver กับ Level 1 จะเรียนเหมือนกันหมดเลย คู่มือนักเรียนที่ใช้เรียน ก็จะเป็นชุดเดียวกัน การฝึกซ้อม ทักษะต่างๆในสระ ก็จะเหมือนกัน เมื่อเรียนและสอบ Requirement ผ่าน Pool แล้ว เพียงออกสอบภาคทะเลทำ Requirement 4 อย่างผ่าน ก็จะได้อัพเกรด เป็น Freediver การสอบ 4 อย่างได้แก่

  • Constant Weight 10M Duck dive ดำลงด้วยฟิน ความลึก 10 เมตร
  • Arm only Ascend 10M ใช้แขนอย่างเดียวขึ้นสู่ผิวน้ำ จำลอง สถานการณ์ที่ฟินอาจหลุด ชำรุด หรือใช้ขาไม่ได้ เพราะบาดเจ็บ หรือตะคริวกิน
  • No Mask Ascend 10M ถอดหน้ากาก ขึ้นสู่ผิวน้ำ โดยใช้เชือก (Dive line) นำ จำลองเหตุการณ์ หน้ากากหลุด หรือน้ำเข้า
  • Deepwater Rescue 10M ช่วยกู้ภัย Buddy ที่หมดสติใต้น้ำ

แล้วเราควรเลือกเรียนคอร์สไหนดีล่ะ?

มีผู้สนใจจำนวนมากถามว่า แล้วควรเลือกคอร์สไหนล่ะ? ครูคิดว่า อยู่ที่ความต้องการ เป้าหมายของเรา ถ้าเราต้องการแค่ Fun dive สนุกๆ 3-10 เมตร ไม่ได้อยากลงลึก เป็นสายชิล เน้นสวยไม่เน้นลึก แบบนี้ เรียนแค่ Basic ก็น่าจะเพียงพอแล้ว นักเรียน Basic ของครูบางคนลงได้ 10 กว่าเมตรเลย 

แต่ถ้านักเรียนค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง อยากท้าทายตนเอง อยากลงลึกที่สุดเท่าที่ทำได้ หรืออยากเป็นนักกีฬา แบบนี้ Pool Freediver น่าจะเหมาะกว่า เพราะสามารถต่อยอดไปเป็น Freediver, Advance Freediver ได้ในอนาคต สำหรับนักเรียนที่อยากลง Level 1 ควรลง Pool ก่อน จะดีกว่าลง Level 1 เลย เพราะระหว่างที่เรียนและฝึก ครูจะประเมินด้วยว่า นักเรียนพร้อมออกสอบภาคทะเล Open water แล้วหรือยัง เมื่อสอบทำ Requirement ของ Pool Freediver ผ่านแล้ว ควรฝึกทักษะที่ต้องใช้สอบภาคทะเล (Open water) เพิ่มเติม แล้วจึงนัดครูออกสอบ อีกที

ส่วนคอร์ส Try นั้น เวลาเรียนและฝึกทักษะ อาจะจะสั้นไปหน่อย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาจริงๆ หาเวลาว่างเต็มวันไม่ได้ หรือยังไม่มั่นใจว่าจะชอบ หรือทำได้มั้ย ก็อาจทดลองเรียนดูก่อน ถ้าแบบนั้น Try Freediver ก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ